โรคแพนิค (Panic disorder) | ||||
พบบ่อยในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น อาการหลักของโรคนี้ ได้แก่ อาการตกใจกลัวอย่างรุนแรงหรือที่เรียกว่าอาการแพนิค (panic attack) ที่เกิดขึ้นหลาย ๆ ครั้ง โดยมากจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ และจะมีอาการอยู่สั้นๆประมาณ 5-10นาทีไม่นานเกิน 30 นาที ทำให้ผู้ป่วยกลัวที่จะเกิดอาการซ้ำอีก กังวลกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากอาการ หรือกลัวเกิดอาการซ้ำในที่สาธารณะแล้วไม่มีใครช่วยเหลือจนทำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการออกไปไหนมาไหน จึงมีผลรบกวนกับชีวิตประจำวันในด้านต่าง ๆเช่น ทำให้ความสามารถในการประกอบอาชีพลดลง หรืออาจทำให้ความสัมพันธ์กับบุคคลใกล้ชิด ตึงเครียดมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากอาการที่มีทำให้ผู้ป่วยมักคิดว่าตนเองเป็นโรคหัวใจหรือ โรคร้ายแรง แต่เมื่อไปพบแพทย์บ่อยๆ แล้วพบว่าผลการตรวจร่างกายและการทดสอบพิเศษไม่พบความผิดปกติจนบางครั้งญาติอาจคิดว่าผุ้ป่วยแกล้งทำ |
||||
อาการของแพนิคมีได้หลายอย่าง ได้แก่ |
||||
1.ใจเต้นเร็ว ลั่นเหมือนตีกลอง |
||||
|
||||
|
||||
1. ศูนย์ควบคุมการทำงานของสมองและจิตใจเกี่ยวกับความหวาดกลัวไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ |
||||
|
||||
โรคนี้มักเกิดในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย หรือผุ้ใหญ่ตอนต้น โดยทั่วไปมักเป็นเรื้อรัง |
||||
|
||||
ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช และให้มั่นใจว่าโรคนี้ไม่เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตเหมือนที่ผู้ป่วยมักกลัว ในปัจจุบันวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด คือการรักษาทางยาร่วมกับการรักษาทางจิตสังคม เช่นการทำพฤติกรรมบำบัด การผึกการผ่อนคลาย หรือการทำจิตบำบัด ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นมาก อย่างเห็นได้ชัดภายหลังเริ่มการรักษาแล้ว 6-8 สัปดาห์ เมื่ออาการดีขึ้นแล้วแพทย์ยังคงให้การรักษาต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 6-8 เดือนเพื่อป้องกันการกำเริบของอาการการหยุดยา ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรหยุดยาทันที เพราะจะเกิดอาการของการหยุดยา หรือมีอาการเก่ากำเริบ |
||||
|
||||
1. นอนหงายตามสบายบนเตียง หรือพื้นที่ในบริเวณที่สงบ |
||||
|